ราคาประกันรถยนต์สิ่งสำคัญอันดับต้นๆ สำหรับทุกคนเวลาเลือกซื้อประกัน ราคาประกันรถยนต์ก็มีหลากหลายราคาด้วยกันตามเงื่อนไขความคุ้มครองที่แต่ละบริษัทจะมอบให้
ราคาประกันรถยนต์ชั้น1 เริ่มต้นที่ 10,000 บาท คุ้มครองสูงสุดครอบคลุมทุกกรณีจึงทำให้มีราคาแพงที่สุด เบี้ยประกันก็สูงที่สุดตามมาด้วย
ราคาประกันรถยนต์ชั้น2+ เริ่มต้นที่ 5,400 บาท คุ้มครองความเสียหายจากอุบัติเหตุแบบมีคู่กรณีเท่านั้น และความเสียหายที่เกิดจากภัยพิบัติทางธรรมชาติ
ราคาประกันรถยนต์ชั้น2 เริ่มต้นที่ 3,700 บาท คุ้มครองความเสียหายทางร่างกายของคู่กรณีและผู้ขับขี่ ความเสียหายทางทรัพย์สินของคู่กรณีเท่านั้น และความเสียหายจากภัยพิบัติทางธรรมชาติ แต่จะไม่คุ้มครองค่าซ่อมรถให้ผู้ขับขี่
ราคาประกันรถยนต์ชั้น3+ เริ่มต้นที่ 5,300 บาท คุ้มครองความเสียหายทางร่างกายและทรัพย์สินของคู่กรณี คุ้มครองความเสียหายทางร่างกายของผู้ขับขี่ และคุ้มครองทรัพย์สินหรือความเสียหายของรถของผู้ขับขี่เฉพาะในกรณีที่มีคู่กรณีเท่านั้น
ราคาประกันรถยนต์ชั้น3 เริ่มต้นที่ 1,900 บาท คุ้มครองความเสียหายทางร่างกายและทรัพย์สินหรือค่าซ่อมรถของคู่กรณี และความเสียหายทางร่างกายของผู้ขับขี่ แต่ไม่คุ้มครองค่าซ่อมรถของผู้ขับขี่
ตัวอย่างราคาประกันรถยนต์ชั้น1 ระยะเวลาผ่อนและวิธีผ่อนชำระจากบริษัทที่เป็นที่นิยม เช่น
วิริยะประกันภัย ราคาเริ่มต้น 16,500 บาท ระยะเวลาผ่อน 6-10 เดือน รับผ่อนผ่านเงินสดและบัตรเอทีเอ็ม
กรุงเทพประกันภัย ราคาเริ่มต้น 16,500 บาท ระยะเวลาผ่อน 6-10 เดือน รับผ่อนผ่านเงินสดและบัตรเอทีเอ็ม
ประกันธนชาติ ราคาเริ่มต้น 16,500 บาท ระยะเวลาผ่อน 6-10 เดือน รับผ่อนผ่านเงินสดและบัตรเอทีเอ็ม
รู้ใจ ราคาเริ่มต้น 16,500 บาท ระยะเวลาผ่อน 6-10 เดือน รับผ่อนผ่านบัตรเอทีเอ็ม
ไดเรคเอเชีย ราคาเริ่มต้น 16,500 บาท ระยะเวลาผ่อน 6 เดือน รับผ่อนผ่านบัตรเอทีเอ็มและบัตรเครดิต
ข้อแนะนำที่ควรรู้ก่อนซื้อประกันรถยนต์
เลือกบริษัทที่มีความมั่นคง ภาพลักษณ์เป็นส่วนสำคัญในการสร้างความน่าเชื่อถือและความไว้งวางใจให้กับลูกค้าหรือผู้ที่เราทำธุรกรรมการเงินร่วมด้วย เพราะการมีภาพลักษณ์ที่ดีมาจากความสามารถและความชำนาญในการทำธุรกิจ ให้การบริการที่มีคุณภาพ มีศูนย์บริการครอบคลุมทุกพื้นที่ เป็นการช่วยเหลือและอำนวยความสะดวกให้ลูกค้าได้ดีที่สุด
เลือกประเภทของประกันให้เหมาะสมกับตัวเองมากที่สุด เพื่อความคุ้มครองและสิทธิประโยชน์ที่จะได้รับในการทำประกันจะได้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด เช่น เป็นคนขับรถบ่อย ใช้รถทุกวัน หรือ รถของเราแทบจะไม่ได้ใช้เลย นานๆ ทีถึงจะเอาออกไปขับ เป็นต้น การเลือกประกันให้เหมาะก็เพื่อบริหารความเสี่ยงหลังจากที่เราได้รับผลกระทบจากความเสียหายให้ได้มากที่สุด
ศึกษารายละเอียดหรือข้อมูลที่เกี่ยวข้องต่างๆ ให้ลึกซึ้ง ไม่ว่าจะเป็นเงื่อนไขความคุ้มครองในกรรมธรรม์หรือเงื่อนไขที่ไม่อยู่ในการคุ้มครองและอาจรวมไปถึงข้อมูลเกี่ยวกับการบริการ เพื่อที่เมื่อเกิดเหตุที่ไม่คาดคิดขึ้นจะได้ไม่เกิดความวุ่นวาย และปัญหาก็ถูกแก้ได้ตามขั้นตอน